SENTIS | ตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคมะเร็งทางพันธุกรรม

SENTIS Hereditary Cancer Screening (HDC)

เซนทิส การถอดรหัสทางพันธุกรรมเพื่อคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคมะเร็งทางพันธุกรรม

section2_bg
section2_pic1

คืออะไร

SENTIS Hereditary Cancer Screening คือ การตรวจคัด

กรองมะเร็งที่เกิดจากการถ่ายทอด ทางพันธุกรรม โดยปกติแล้วการเกิดยีนผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมในครอบครัว (Germline mutation) จะไม่ส่งผลให้เกิดมะเร็งในทันที เนื่องจากสาเหตุการเป็นมะเร็ง เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนส่วนหนึ่ง และการได้รับสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดมะเร็งอีกส่วนหนึ่ง

ดังนั้นการทราบถึงการกลายพันธุ์ของยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง สามารถช่วยในการวางแผนการป้องกัน และเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งของแต่ละบุคคลได

การตรวจคัดกรองยีนมะเร็งคือ การค้นหาการกลายพันธุ์ของยีน ที่ส่งผลให้มีโอกาสเกิดมะเร็งตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งสามารถช่วยพยากรณ์ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งและช่วยในการวางแผนเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งในอนาคตได้ BGI SENTIS Hereditary Cancer Screening เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งทางพันธุกรรม 79 ยีนในเพศชาย ครอบคลุม 22 ชนิดของมะเร็ง และ 74 ยีนในเพศหญิง ครอบคลุม 23 ชนิดของมะเร็ง รวมถึงมะเร็งที่เกิดจากพันธุกรรมที่พบได้บ่อย เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร

section2_pic2

SENTIS Hereditary Cancer Screening เหมาะกับใคร

 section3_icon1

ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง

section3_icon2

ผู้ที่ถูกสันนิษฐาจากแพทย์ว่าอาจจะได้รับยีนก่อโรคมะเร็งจากพ่อแม่

section3_icon3

ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

section3_icon4

ผู้ที่ต้องการหาสาเหตุของโรคมะเร็ง

section4_bg

แพ็คเกจ SENTIS Hereditary Cancer Screening

section4_pic1
section5_bg
section5_pic1

ทำไมต้อง

  • ด้วยเทคโนโลยี Target capture region และ Next Generation Sequencing ทำให้ผลวิเคราะห์มีความแม่นยำสูง
  • มีการอัพเดตฐานข้อมูลของ BGI เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ถูกต้อง แม่นยำ
  • ผลการตรวจมีการรายงานชื่อยีน ตำแหน่งยีนที่ตรวจชัดเจน รวมไปถึงแหล่งอ้างอิงที่สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้

ด้วยเทคนิคการตรวจคัดกรองยีนด้วย Target capture region และ Next Generation Sequencing

ทำให้มีค่าความไวและค่าจำเพาะในการตรวจการกลายพันธุ์ชนิด SNV, InDel ที่ >99% และค่าความไวของ CNV ที่ >90%

section5_pic2
section7_bg

คำถามที่พบบ่อย

ควรตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคมะเร็งทางพันธุกรรมบ่อยแค่ไหน
การตรวจยีนก่อโรคมะเร็งทางพันธุกรรม ไม่จำเป็นต้องตรวจบ่อยครั้ง เพราะยีนเป็นข้อมูลถาวรที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต ดังนั้น

- ตรวจเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ สำหรับการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น

- หากมี แนวทางเวชปฏิบัติใหม่ หรือมีการ เพิ่มยีนเป้าหมาย ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง อาจพิจารณาการ ทบทวนผลตรวจ หรือ ตรวจ panel ที่ครอบคลุมมากขึ้น

- กรณีที่ครอบครัวมีสมาชิกป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดใหม่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความจำเป็นในการตรวจเพิ่มเติม
ผลการทดสอบโรคมะเร็งทางพันธุกรรม สามารถส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวได้หรือไม่
มีความเป็นไปได้ เพราะโรคมะเร็งทางพันธุกรรมเกิดจากการถ่ายทอด ยีนกลายพันธุ์ จากรุ่นสู่รุ่น หากคุณตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง

สมาชิกในครอบครัวสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง หรือลูก ก็อาจมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน

ผลตรวจจึงไม่ได้มีความหมายเฉพาะตัวคุณ แต่ยังช่วยให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจเรื่องการตรวจเพิ่มเติม การป้องกัน และการดูแลสุขภาพได้อย่างรอบคอบ
ถ้าผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (Pathogenic/Likely Pathogenic) ควรทำอย่างไร?
หากผลการตรวจพบว่ามียีนกลายพันธุ์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Pathogenic หรือ Likely Pathogenic

หมายถึงพบการเปลี่ยนแปลงของยีนที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในเชิงวิชาการและการแพทย์ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็งแน่นอน แต่เป็นสัญญาณว่าความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป

แนวทางที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

1. ปรึกษาแพทย์หรือนักพันธุศาสตร์ เพื่อรับคำอธิบายผลตรวจอย่างละเอียด

2. วางแผนการตรวจติดตามสุขภาพเฉพาะบุคคล (early surveillance and intervention) เช่น การตรวจสุขภาพถี่ขึ้น การทำ Imaging หรือ Lab tests ที่เกี่ยวข้องตามแนวเวชปฏิบัติแนะนำ

3. พิจารณาทางเลือกในการป้องกันล่วงหน้า เช่น การผ่าตัดป้องกัน (risk-reducing surgery) ในบางกรณี

4. แจ้งสมาชิกในครอบครัวสายตรง เพื่อพิจารณาการตรวจยีนต่อไป
ถ้าผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (Benign / Likely Benign) ควรทำอย่างไร?
หากผลตรวจพบการกลายพันธุ์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Benign หรือ Likely Benign หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็ง ตามหลักฐานทางการแพทย์ปัจจุบัน กล่าวคือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่ไม่ก่อโรค จึง ไม่จำเป็นต้องมีการรักษาเพิ่มเติมหรือการติดตามพิเศษ จากผลดังกล่าว สามารถดูแลสุขภาพทั่วไปตามแนวทางมาตรฐาน และเก็บผลตรวจไว้เป็นประวัติ เพื่อใช้ประกอบการอธิบายกับแพทย์ในอนาคต
ถ้าผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (VUS) ควรทำอย่างไร?
หากผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ในกลุ่ม VUS (Variant of Uncertain Significance) หมายถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงของยีนที่ ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพียงพอ ที่จะระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อโรคมะเร็งหรือไม่ ผลในกลุ่มนี้จึง ไม่ควรถูกตีความว่าเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งทันที และไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องทำการรักษาหรือการผ่าตัดเชิงป้องกัน
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy