SENTIS

ควรตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคมะเร็งทางพันธุกรรมบ่อยแค่ไหน
การตรวจยีนก่อโรคมะเร็งทางพันธุกรรม ไม่จำเป็นต้องตรวจบ่อยครั้ง เพราะยีนเป็นข้อมูลถาวรที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต ดังนั้น

- ตรวจเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ สำหรับการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น

- หากมี แนวทางเวชปฏิบัติใหม่ หรือมีการ เพิ่มยีนเป้าหมาย ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง อาจพิจารณาการ ทบทวนผลตรวจ หรือ ตรวจ panel ที่ครอบคลุมมากขึ้น

- กรณีที่ครอบครัวมีสมาชิกป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดใหม่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความจำเป็นในการตรวจเพิ่มเติม
ผลการทดสอบโรคมะเร็งทางพันธุกรรม สามารถส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวได้หรือไม่
มีความเป็นไปได้ เพราะโรคมะเร็งทางพันธุกรรมเกิดจากการถ่ายทอด ยีนกลายพันธุ์ จากรุ่นสู่รุ่น หากคุณตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง

สมาชิกในครอบครัวสายตรง เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง หรือลูก ก็อาจมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน

ผลตรวจจึงไม่ได้มีความหมายเฉพาะตัวคุณ แต่ยังช่วยให้ครอบครัวสามารถตัดสินใจเรื่องการตรวจเพิ่มเติม การป้องกัน และการดูแลสุขภาพได้อย่างรอบคอบ
ถ้าผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (Pathogenic/Likely Pathogenic) ควรทำอย่างไร?
หากผลการตรวจพบว่ามียีนกลายพันธุ์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Pathogenic หรือ Likely Pathogenic

หมายถึงพบการเปลี่ยนแปลงของยีนที่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งในเชิงวิชาการและการแพทย์ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็งแน่นอน แต่เป็นสัญญาณว่าความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป

แนวทางที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

1. ปรึกษาแพทย์หรือนักพันธุศาสตร์ เพื่อรับคำอธิบายผลตรวจอย่างละเอียด

2. วางแผนการตรวจติดตามสุขภาพเฉพาะบุคคล (early surveillance and intervention) เช่น การตรวจสุขภาพถี่ขึ้น การทำ Imaging หรือ Lab tests ที่เกี่ยวข้องตามแนวเวชปฏิบัติแนะนำ

3. พิจารณาทางเลือกในการป้องกันล่วงหน้า เช่น การผ่าตัดป้องกัน (risk-reducing surgery) ในบางกรณี

4. แจ้งสมาชิกในครอบครัวสายตรง เพื่อพิจารณาการตรวจยีนต่อไป
ถ้าผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (Benign / Likely Benign) ควรทำอย่างไร?
หากผลตรวจพบการกลายพันธุ์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม Benign หรือ Likely Benign หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงของยีนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็ง ตามหลักฐานทางการแพทย์ปัจจุบัน กล่าวคือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่ไม่ก่อโรค จึง ไม่จำเป็นต้องมีการรักษาเพิ่มเติมหรือการติดตามพิเศษ จากผลดังกล่าว สามารถดูแลสุขภาพทั่วไปตามแนวทางมาตรฐาน และเก็บผลตรวจไว้เป็นประวัติ เพื่อใช้ประกอบการอธิบายกับแพทย์ในอนาคต
ถ้าผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง (VUS) ควรทำอย่างไร?
หากผลการตรวจพบการกลายพันธุ์ในกลุ่ม VUS (Variant of Uncertain Significance) หมายถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงของยีนที่ ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพียงพอ ที่จะระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อโรคมะเร็งหรือไม่ ผลในกลุ่มนี้จึง ไม่ควรถูกตีความว่าเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งทันที และไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องทำการรักษาหรือการผ่าตัดเชิงป้องกัน

BGI-Xome

BGI-Xome สามารถตรวจในทารกแรกเกิดหรือเด็กได้หรือไม่
BGI-Xome สามารถตรวจในทารกแรกเกิดหรือเด็กได้ การตรวจนี้สามารถใช้ได้กับบุคคลทุกวัย รวมถึงเด็กและทารกด้วย มักใช้ในกรณีเด็กที่สงสัยว่ามีความผิดปกติทางพันธุกรรม
ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรหลังจากได้รับผลการตรวจ
เมื่อทราบผลแล้ว แพทย์หรือที่ปรึกษาทางพันธุศาสตร์จะตีความและอธิบายผลการค้นพบให้ผู้รับบริการทราบ ท่านจะทราบถึงผลกระทบของผลการตรวจ และทางเลือกการรักษาที่อาจเกิดขึ้น
ข้อจำกัดของ BGI-Xome มีอะไรบ้าง
การตรวจอาจไม่ครอบคลุมถึงรูปแบบการกลายพันธุ์ของยีนที่ก่อโรคได้ทั้งหมด
BGI-Xome เหมาะกับผู้ป่วยทุกรายหรือไม่
โดยทั่วไปแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการทางคลินิกที่ซับซ้อน หรือไม่ได้รับการวินิจฉัย และยังสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับพื้นฐานทางพันธุกรรมสำหรับปัญหาสุขภาพของตนเอง
โรคหรืออาการใดบ้างมีสามารถตรวจพบได้โดย BGI-Xome
BGI-Xome สามารถตรวจพบการกลายพันธุ์หรือลำดับพันธุกรรมที่เป็นสาเหตุของโรคหรืออาการต่าง ๆ รวมถึงความผิดปกติทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก ความผิดปกติทางระบบประสาท พัฒนาการล่าช้า และความบกพร่องทางสติปัญญา

COLOTECT

สามารถตรวจ COLOTECT ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ?
บุคคลทั่วไปสามารถเริ่มตรวจคัดกรอง COLOTECT ได้ ตั้งแต่อายุก่อน 45 ปี และสามารถตรวจได้แม้จะยังไม่มีอาการผิดปกติ
ต้องส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจภายในกี่วัน หลังจากเก็บสิ่งส่งตรวจอุจจาระเสร็จแล้ว ?
ควรส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจกลับมาที่ห้องปฏิบัติการภายใน 24 ชั่วโมงหลังเก็บ หรือให้เร็วที่สุด โดยสิ่งส่งตรวจต้องมาถึงห้องปฏิบัติการไม่เกิน 7 วัน หลังเก็บ
ส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจไปที่ห้องปฏิบัติการอย่างไร ?
สามารถส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจไปที่ห้องปฏิบัติการ ผ่าน EMS ไปรษณีย์ไทยทุกสาขา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สามารถรับผลตรวจวิเคราะห์ได้ที่ช่องทางไหน ?
ผลการตรวจวิเคราะห์จะส่งทางอีเมลที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
ใช้เวลาในการรายงานผลกี่วัน ?
7 วันทำการ *หลังจากที่ห้องปฏิบัติการได้รับสิ่งส่งตรวจแล้ว

คำถามพี่พบบ่อย

สามารถตรวจ DNALL ได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่
สามารถตรวจได้ตั้งแต่เด็กทารกอายุ 1 เดือนขึ้นไป
ต้องส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจภายในกี่วัน หลังจากเก็บน้ำลายบริเวณกระพุ้งแก้มเสร็จแล้ว
ควรส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจกลับมาที่ห้องปฏิบัติการภายใน 1 เดือนหลังเก็บน้ำลายบริเวณกระพุ้งแก้ม
ส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจไปที่ห้องปฏิบัติการอย่างไร
สามารถส่งชุดเก็บสิ่งส่งตรวจไปที่ห้องปฏิบัติการ ผ่านไปรษณีย์ไทยทุกสาขา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สามารถดูผลได้ที่ช่องทางไหน
สามารถลงทะเบียนและเข้าดูผลได้ที่ www.dnallth.com
ใช้เวลาในการรายงานผลกี่วัน

45 วันทำการ สำหรับแพ็กเกจ Prestige 

15-21 วันทำการ สำหรับแพ็กเกจ SNIP & PICK

*หลังจากที่ห้องปฏิบัติการได้รับตัวอย่างแล้ว
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy