แชร์

NIPT Test คืออะไร สำคัญอย่างไรกับคุณแม่ตั้งครรภ์

114 ผู้เข้าชม
การตั้งครรภ์ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและน่าตื่นเต้นสำหรับทุกครอบครัว แต่ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่และครอบครัวต้องใส่ใจดูแลสุขภาพของทั้งมารดาและทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทั้งสองคนมีสุขภาพที่แข็งแรงการตรวจสอบสุขภาพและพัฒนาการทารกระหว่างตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณพ่อ คุณแม่และครอบครัวมีความมั่นใจและสามารถเตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับสมาชิกใหม่ได้อย่างดีที่สุด

โดยหนึ่งในการตรวจที่ได้รับความนิยมและมีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน นั่นคือ NIPT Test การตรวจคัดกรองทางพันธุกรรมระดับโครโมโซมที่ช่วยให้ทราบถึงความเสี่ยงของความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้อย่างแม่นยำและมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะโรคที่ส่งผลต่อการพัฒนาการและการใช้ชีวิตอย่างเช่น โรคดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) และความผิดปกติอื่น ๆ ที่สำคัญ

ในบทความนี้จะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า NIPT Test คืออะไร เหมาะกับใคร สามารถตรวจได้อย่างไรบ้าง รวมถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ NIPT Test ที่จะช่วยให้คุณแม่และครอบครัวสามารถตัดสินใจเลือกรับการตรวจได้อย่างเหมาะสมและพร้อมรับมือกับบทบาทใหม่ของชีวิต

การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด vs การตรวจคัดกรองก่อนคลอด  เกี่ยวข้องกับ NIPT Test หรือไม่

การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด (Prenatal Diagnosis)

เป็นวิธีมาตรฐานทางการแพทย์ที่ใช้มายาวนาน เพื่อค้นหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น การเจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis) หรือ การเจาะชิ้นเนื้อรก (Chorionic Villus Sampling: CVS) วิธีเหล่านี้ให้ผลที่แม่นยำและยืนยันได้ แต่มีความรุกล้ำสูง และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การรั่วของน้ำคร่ำ หรือการแท้งบุตร

การตรวจคัดกรองก่อนคลอด (Prenatal Screening)

เป็นการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นว่าทารกอาจมีความผิดปกติหรือไม่ โดยมีหลายวิธี เช่น
  • การตรวจเลือดมารดาในไตรมาสแรกหรือที่สอง (First/Second Trimester Screening)
  • การอัลตราซาวด์เพื่อดูโครงสร้างและความผิดปกติของทารก
  • การตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) ซึ่งถือว่าเป็นวิธีคัดกรองที่มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากอาศัยการตรวจสารพันธุกรรมของทารกจากเลือดมารดา ให้ความปลอดภัยสูงโดยไม่ต้องรุกล้ำเข้าสู่ครรภ์ด้

NIPT Test คืออะไร

NIPT หรือ Non Invasive Prenatal Testing คือ เทคโนโลยีการตรวจคัดกรองทารกในครรภ์ที่ทันสมัย ใช้หลักการวิเคราะห์ชิ้นส่วน DNA ของทารกที่ในเลือดของมารดา เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมคู่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของความผิดปกติของทารกในครรภ์ การตรวจนี้ช่วยให้คุณแม่และครอบครัว รับรู้และเข้าใจความเสี่ยงของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ พร้อมทั้งวางแผนการดูแลหรือการตัดสินใจทางการแพทย์ได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำมากขึ้น

หลักการทำงานของ NIPT Test คือ การใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ลำดับเบส (Next Generation Sequencing) ในการวิเคราะห์ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของสารพันธุกรรมที่เรียกว่า cell-free fetal DNA หรือ cffDNA ซึ่งหลุดออกมาจากเซลล์ของรกและไหลเวียนในกระแสเลือดของมารดา โดยจากงานวิจัยพบว่า สารพันธุกรรมของทารกในครรภ์เหล่านี้จะเริ่มปรากฏในกระแสเลือดของมารดาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 8 ของการตั้งครรภ์

NIPT Test คือหนึ่งในกระบวนการตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์มารดาที่ง่าย สะดวกสบาย เนื่องจากใช้ตัวอย่างเลือดจากมารดาเพียงประมาณ 10 ซีซี ใช้ระยะเวลาตรวจและรู้ผลในไม่กี่วัน และยังมีความแม่นยำสูงถึง 99% รวมถึงมีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อทั้งตัวมารดาและทารกในครรภ์ ทำให้คุณแม่และครอบครัวส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เลือกเข้ารับการตรวจ NIPT เพื่อวางแผนการมีบุตรที่ครอบคลุมที่สุด

NIPT Test ตรวจอะไรบ้าง

หากถามว่าการตรวจ NIPT รู้อะไรบ้าง NIPT Test คือหนึ่งในการตรวจที่สามารถคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมได้หลายประเภท ที่ส่งผลต่อการพัฒนาของทารกอย่างมีนัยสำคัญ อาทิ

ความผิดปกติของโครโมโซมหลัก
  • การตรวจดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome): จากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง
  • การตรวจโรคเอ็ดเวิร์ดซินโดรม (Edwards Syndrome): จากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมา 1 แท่ง
  • การตรวจโรคพาทัวซินโดรม (Patau Syndrome): จากความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 13 เกินมา 1 แท่ง

ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ (คู่ที่ 23)
  • การตรวจโรคเทอร์เนอร์ซินโดรม (Turner Syndrome):  การขาดโครโมโซม X ไป 1 แท่งในเพศหญิง
  • การตรวจโรคไคลน์เฟลเตอร์ซินโดรม (Klinefelter's Syndrome): การมีโครโมโซม X เกินมา 1 แท่งในเพศชาย
  • การตรวจโรคทริปเปิลเอ็กซ์ (Triple X syndrome): การมีโครโมโซม X เกินมา 1 แท่งในเพศหญิง
  • การตรวจโรคจาค็อบส์ซินโดรม (Jacobs syndrome): การมีโครโมโซม Y เกินมา 1 แท่งในเพศชาย
นอกจากความผิดปกติของโครโมโซมที่กล่าวไปนี้ NIPT Test ยังสามารถตรวจสอบความผิดปกติของโครโมโซมคู่อื่น ๆ เช่น ภาวะการขาดหายไปของชิ้นส่วนโครโมโซม หรือ ดีลีทชั่น (Deletion Syndrome) ที่เกิดจากการขาดหายไปของชิ้นส่วนโครโมโซมเล็ก ๆ หรือ ภาวะการเกินมาของชิ้นส่วนโครโมโซม หรือ ดูพลิเคชั่น (Duplication Syndrome) ที่เกิดจากการเกินมาของชิ้นส่วนโครโมโซมเล็ก ๆ

ข้อดีของการตรวจ NIPT Test คืออะไร

การตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์ ด้วยเทคโนโลยี NIPT มีข้อดีหลายประการที่ทำให้การตรวจนี้เป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยข้อดีหลัก ๆ ของ NIPT Test คือ
  • ความปลอดภัยสูง: ใช้วิธีการเก็บตัวอย่างด้วยการเจาะเลือด ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการแท้งจากการเจาะเลือด หรือ การบาดเจ็บของทารก หรือภาวะแทรกซ้อนเหมือนการเจาะน้ำคร่ำหรือเจาะรก
  • ความแม่นยำสูง: สามารถตรวจโรคดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์ได้แม่นยำถึง 99%
  • สะดวกรวดเร็ว: รู้ผลไว โดยเฉลี่ย 5-14 วัน ไม่ต้องพักฟื้นหลังเข้ารับการตรวจ คุณแม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที
  • ตรวจได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ : ระยะครรภ์ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจ NIPT Test คือ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 10 เป็นต้นไป เร็วกว่าการเจาะน้ำคร่ำที่ต้องรอจนถึงสัปดาห์ที่ 16-20

การตรวจ NIPT เหมาะกับใคร

การตรวจโคโมโซมคนท้อง NIPT Test คือ วิธีที่เหมาะสำหรับคุณแม่หลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น

กลุ่มความเสี่ยงสูง
  • คุณแม่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรคทางพันธุกรรม
  • เคยมีบุตรที่มีความผิดปกติของโครโมโซม
  • มีผลตรวจเลือดแบบดั้งเดิม (Quad test) ผิดปกติ

กลุ่มทั่วไป
  • การตั้งครรภ์ทั่วไปที่ต้องการตรวจคัดกรองเพื่อความมั่นใจ
  • การตั้งครรภ์จาก IVF, Egg/Sperm Donation, Surrogacy
  • การตั้งครรภ์แฝด

กรณีที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการตรวจ
  • อายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์ หรือมากกว่า 24 สัปดาห์
  • ผู้ที่มี BMI > 40
  • คุณแม่ที่มีประวัติการรับยาหรือการรังสีในระยะแรกของการตั้งครรภ์
  • ได้รับ Heparin therapy ต่อเนื่องน้อยกว่า 24 ชั่วโมง
  • ได้รับ Human serum albumin therapy น้อยกว่า 4 สัปดาห์
  • ได้รับ Immunotherapy น้อยกว่า 4 สัปดาห์
  • เคยได้รับเลือดในระยะเวลา 4 เดือนหรือมีการผ่าตัดใหญ่
  • เคยปลูกถ่ายอวัยวะหรือสเต็มเซลล์
  • ภาวะ Vanishing Twin Syndrome

การตรวจ NIPT มีกี่แบบ

ในหนึ่งข้อที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจตรวจ NIPT Test คือ ระดับของการตรวจที่แตกต่างกันตามความครอบคลุมและความละเอียดของการวิเคราะห์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่

การตรวจแบบพื้นฐานหรือ (Basic NIPT)

Basic NIPT Test คือ การตรวจแบบพื้นฐานที่ครอบคลุมการตรวจโครโมโซมหลัก 3 คู่ที่พบความผิดปกติได้บ่อย ได้แก่ โครโมโซมที่ 21, 18, 13 และโครโมโซมเพศ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการตรวจคัดกรองเบื้องต้น มีราคาที่เข้าถึงได้และครอบคลุมความผิดปกติที่พบได้บ่อย

การตรวจแบบขยาย (Extended NIPT)

Extended NIPT Test คือ การตรวจคัดกรองที่มีความครอบคลุมมากกว่าแบบพื้นฐาน โดยนอกจากการตรวจโครโมโซมหลักแล้ว ยังสามารถตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมคู่อื่น ๆ ทั้ง 23 คู่ 

การตรวจแบบครอบคลุม (Comprehensive NIPT)

Comprehensive NIPT Test คือ การตรวจที่มีความละเอียดสูงที่สุด สามารถตรวจโครโมโซมครอบคลุมทั้ง 23 คู่ รวมถึงการตรวจภาวะโครโมโซมขาดบางส่วนและภาวะโครโมโซมเกินบางส่วน (Deletion/Duplication Syndrome) การตรวจนี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงหรือต้องการความมั่นใจที่ละเอียดมากขึ้น

ระยะเวลาในการตรวจ NIPT กี่วันรู้ผล

เนื่องจากการรอผลการตรวจเป็นช่วงเวลาที่อาจทำให้เกิดความกังวล ค้างคาใจ จนทำให้คุณแม่และครอบครัวมีคำถามว่าการตรวจ NIPT กี่วันรู้ผล โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาของผลการตรวจ NIPT คือ ประมาณ 5-14 วันทำการ นับจากวันที่เก็บตัวอย่างเลือด โดยระยะเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ประเภทของการตรวจที่เลือก เทคโนโลยีที่ตรวจวิเคราะห์ ความซับซ้อนของการวิเคราะห์ คุณภาพของตัวอย่างเลือด และประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของห้องปฏิบัติการ การตรวจแบบพื้นฐานจะใช้เวลาน้อยกว่าการตรวจแบบครอบคลุม เนื่องจากต้องวิเคราะห์ข้อมูลที่น้อยกว่า

ความแตกต่างระหว่าง NIPT กับการตรวจแบบอื่น

เมื่อเปรียบเทียบ NIPT กับการตรวจแบบอื่น เช่น Quad Test คือ การตรวจเลือดแบบดั้งเดิมที่วัดระดับฮอร์โมนและโปรตีนต่าง ๆ ในเลือดมารดาเพื่อประเมินความเสี่ยง จะพบความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ โดยการตรวจ Quad test จะมีความแม่นยำประมาณร้อยละ 85-90 มีอัตราผลบวกลวงสูง และต้องใช้การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดแบบรุกล้ำ (Invasive Prenatal Diagnosis) เช่น การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อยืนยันผลการตรวจอีกครั้ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความกังวลและความเครียดในครอบครัวโดยไม่จำเป็น

ข้อดีของการตรวจเลือดทารกในครรภ์ด้วย NIPT Test คือ สามารถระบุเพศของทารกได้ ในขณะที่ Quad Test ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ NIPT ยังสามารถตรวจได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 10 ซึ่งเร็วกว่า Quad Test ที่ต้องรอจนถึงสัปดาห์ที่ 15-20

NIPT กับ NIFTY ต่างกันอย่างไร?

สำหรับคุณแม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาว่า NIPT Test คืออะไร ก็อาจเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่า NIFTY มาแล้ว แล้วรู้สึกสงสัย ว่า NIPT กับ NIFTY ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีหรือเหมาะสมกว่ากัน โดยความจริงแล้ว NIFTY (Non-Invasive Fetal TrisomY test) เป็นเพียงชื่อผลิตภัณฑ์ชุดตรวจ NIPT ชนิดหนึ่ง ที่พัฒนาโดย BGI Genomics หนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีการตรวจทางพันธุกรรมระดับโลก ซึ่งได้รับการยอมรับและใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะ NIFTY Pro ที่เป็นแพ็กเกจขั้นสูงของการตรวจ NIFTY 

ซึ่งข้อดีของ NIFTY Test คือ สะดวก รวดเร็ว รอผลเพียง 5-7 วัน มีฐานข้อมูลที่ใหญ่จากการตรวจผู้ป่วยหลายล้านรายทั่วโลก ทำให้การตีความผลมีความแม่นยำสูง รวมถึงการมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดในทุกขั้นตอนของการตรวจ ทำให้คุณที่เข้ารับการตรวจ สามารถมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพ

NIFTY มีทั้งหมด 3 แพ็กเกจ

NIFTY FOCUS  เป็นการตรวจโครโมโซมคู่เสี่ยงในกลุ่มดาวน์ซินโดรม ทั้งโครโมโซมคู่ที่ 21, 18 และ 13 รวมความผิดปกติโครโมโซมเพศ 4 แบบ ได้แก่ XXX, XXY, XYY และ XO

NIFTY CORE เป็นการตรวจโครโมโซมทั้ง 23 คู่ รวมความผิดปกติโครโมโซมเพศ 4 แบบ ได้แก่ XXX, XXY, XYY และ XO

NIFTY PRO เป็นการตรวจโครโมโซมทั้ง 23 คู่ รวมความผิดปกติโครโมโซมเพศ 4 แบบ ได้แก่ XXX, XXY, XYY และ XO รวมถึงความผิดปกติ การขาด-เกินของชิ้นส่วนโครโมโซมมากถึง 92 รายการอีกด้วย

NIFTY Pro ตรวจอะไรบ้าง

สำหรับผู้ที่สงสัยว่า NIFTY Pro ตรวจอะไรบ้าง ในแพ็กเกจดังกล่าว มารดาจะได้การตรวจแบบครอบคลุม ตั้งแต่โครโมโซมหลัก โครโมโซมเพศ โครโมโซมอื่น รวมถึงความผิดปกติ การขาด-เกินของโครโมโซม ทำให้การตรวจ NIFTY Pro เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการความครอบคลุมและแม่นยำสูงสุด

การเตรียมตัวและการดูแลหลังการตรวจ NIPT

การเตรียมตัวสำหรับการตรวจทารกในครรภ์ด้วย NIPT Test คือ การใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจากการตรวจ NIPT ไม่จำเป็นต้องงดอาหารหรือเครื่องดื่มก่อนการตรวจ สามารถรับประทานอาหารและใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องกังวล ขอเพียงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการเจาะเลือดที่ต้นแขน และงดรับประทานอาหารไขมันสูงก่อนเจาะเลือด ก็จะถือว่าเพียงพอแล้ว

หลังจากการตรวจ NIPT คุณแม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที โดยไม่มีข้อจำกัดในการทำกิจกรรม รอยเข็มจากการเจาะเลือดจะหายไปเองภายใน 12 วัน โดยไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ

ในระหว่างรอผลตรวจ คุณแม่และครอบครัวควรผ่อนคลาย ทำจิตใจให้สงบ ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง พร้อมใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ หากมีข้อสงสัยหรือความกังวลใด ๆ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลได้ตลอดเวลา

การแปลผล

เมื่อได้รับผลการตรวจ NIPT สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจความหมายของผลตรวจอย่างถูกต้อง โดยหลักการคือ 

กรณีผล ความเสี่ยงต่ำ (Low Risk) หมายความว่าโอกาสที่ทารกจะมีความผิดปกติของโครโมโซมที่ตรวจมีความเป็นไปได้ต่ำมาก เนื่องจาก NIPT เป็นเพียงการตรวจคัดกรอง (Screening Test) ไม่ใช่การตรวจวินิจฉัย (Diagnostic Test) คุณแม่จึงควรเข้ารับการฝากครรภ์และการตรวจติดตามตามมาตรฐาน เช่น การอัลตราซาวด์ หรือการตรวจติดตามอื่น ๆ ตามคำแนะนำแพทย์

กรณีผล ความเสี่ยงสูง (High Risk) ไม่ได้หมายความว่าทารกต้องมีความผิดปกติอย่างแน่นอน แต่เป็นการบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องยืนยันผลด้วยการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด (Prenatal Diagnosis) เช่น การเจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis) หรือการเจาะชิ้นเนื้อรก (Chorionic Villus Sampling: CVS) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการตรวจที่สามารถยืนยันผลตามมาตรฐาน หรือ Gold standard 

ความสำคัญของการปรึกษาแพทย์ ไม่ว่าผลตรวจจะออกมาเป็น ความเสี่ยงต่ำ หรือ ความเสี่ยงสูง การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชพันธุศาสตร์ หรือสูตินรีแพทย์ หรือนรีเวชเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (Maternal-Fetal Medicine; MFM) ถือเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์จะช่วยอธิบายความหมายของผลตรวจ ประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการตรวจเพิ่มเติม รวมถึงแนะนำแนวทางการดูแลและทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับครอบครัว

สำหรับคุณแม่ที่สนใจตรวจพันธุกรรม หรือตรวจ NIPT เอกชน ที่มีมาตรฐานสูงและความน่าเชื่อถือ การเลือกสถานบริการที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ การตรวจ NIPT ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญในการตีความผล ห้องปฏิบัติการที่ดีควรมีการรับรองมาตรฐานสากล มีทีมผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสบการณ์ และมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด คุณแม่ควรได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการตรวจ ทราบถึงข้อดีและข้อจำกัดของการตรวจ และมีโอกาสซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ

การตั้งครรภ์ถือเป็นช่วงเวลาที่พิเศษและต้องการการดูแลอย่างรอบคอบ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ NIPT Test คืออะไร และประโยชน์ที่จะได้รับ จะช่วยให้คุณแม่และครอบครัวสามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งมารดาและทารกในครรภ์



บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯ ในเครือ BGI Genomics ที่ก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐาน ISO15189, ISO15190 และ ISO/IEC 27001:2022 จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่ครอบคลุมในหลายด้าน ได้แก่
  • การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์มารดา
  • การตรวจคัดกรองพาหะโรคทางพันธุกรรมสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือมีบุตรยาก
  • การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็ง เพื่อหาตัวยาในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล
  • การตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคการเกิดมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
  • การตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมเฉพาะบุคคลเพื่อวางแผนสุขภาพและชะลอวัย
ติดต่อเรา
โทร: 094 616 6878
อีเมล: marketing@bangkokgenomics.com
เว็บไซต์: https://www.bangkokgenomics.com
ที่อยู่: 3689 ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. 10110
เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.30-17.30 น., เสาร์ 9.00-15.00 น.

บทความที่เกี่ยวข้อง
เปรียบเทียบการตรวจ NIPT กับ NIFTY ต่างกันอย่างไร
ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีการตรวจทารกในครรภ์ได้พัฒนาไปอย่างก้าวหน้า ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถเข้าถึงการตรวจสุขภาพที่มีความปลอดภัยและความแม่นยำสูง ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ทราบสุขภาพของทารกตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์
เจาะลึก 8 วิธีรักษาโรคมะเร็ง แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
แนะนำ 8 วิธีการรักษาโรคมะเร็งแบบครอบคลุม ตั้งแต่วิธีการรักษาดั้งเดิมไปจนถึงวิธีการรักษาและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เพื่อการรักษาโรคมะเร็งที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทำความรู้จักภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ภัยเงียบของผู้สูงอายุ
ภาวะสมองเสื่อมไม่ใช่เพียงการหลงลืมตามธรรมชาติของวัย แต่เป็นความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์อย่างจริงจัง มาทำความรู้จักภาวะสมองเสื่อมให้มากขึ้น
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy