เบต้า-อะไมลอยด์คืออะไร สาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมที่ไม่ควรมองข้าม
โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ถือเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่กำลังเพิ่มขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ การเข้าใจความเป็นมาและกลไกการทำงานของโปรตีนชนิดนี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและการดูแลสุขภาพสมองในระยะยาว
บทความนี้จะพาทุกคนทำความรู้จักเบต้า-อะไมลอยด์ให้มากขึ้น ว่าโปรตีนชนิดนี้คืออะไร ทำหน้าที่อะไรบ้าง ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และวิธีการรักษา ดูแล ป้องกันตนเอง ไม่ให้เบต้า-อะไมลอยด์ทำร้ายร่างกายของเรา
โปรตีนอะไมลอยด์คืออะไร?
โปรตีนอะไมลอยด์ เป็นชื่อเรียกของกลุ่มโปรตีนชนิดต่าง ๆ ที่มีลักษณะผิดรูปจากโปรตีนทั่วไป โดยปกติแล้วโปรตีนอะไมลอยด์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย แต่เมื่อเกิดความผิดปกติในการกำจัด จะเกิดการจับตัวกันเป็นแผ่นใยไม่ละลายน้ำ และสะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของอวัยวะในร่างกาย จนทำให้อวัยวะนั้น ๆ ทำงานบกพร่องและเสียหายได้ โปรตีนอะไมลอยด์นี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท และแต่ละชนิดจะมีผลกระทบต่ออวัยวะที่แตกต่างกัน เช่น โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ที่ส่งผลกระทบต่อสมอง เป็นต้น
โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์คืออะไร?
เบต้า-อะไมลอยด์ หรือ Beta-amyloid, Amyloid-beta เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของโปรตีนที่เรียกว่า Amyloid Precursor Protein (APP) ในสภาวะปกติ โปรตีนนี้จะถูกกำจัดออกจากร่างกาย แต่เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เบต้า-อะไมลอยด์จะเกิดการสะสมและก่อให้เกิดปัญหาต่อการทำงานของสมองแทน
เบต้า-อะไมลอยด์เกิดจากสาเหตุใด
การเกิดและการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ในสมองมีสาเหตุหลายประการ ได้แก่
- ความเสื่อมตามวัย: ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ระบบการกำจัดโปรตีนในสมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เบต้า-อะไมลอยด์สะสมมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่ม
- ปัญหาคุณภาพการนอนหลับ: ผู้ที่มีช่วงการนอนหลับลึกที่สั้นหรือนอนไม่หลับ จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ เนื่องจากสมองทำการกำจัดของเสียและโปรตีนที่ ไม่ต้องการได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้เกิดการสะสม
- ปัจจัยทางพันธุกรรม: ยีนบางชนิดอาจทำให้เกิดการผลิตเบต้า-อะไมลอยด์มากเกินไป หรือการกำจัดออกจากสมองช้าลง เช่น ยีน APOE E4 เป็นต้น
- โรคเรื้อรังและการอักเสบ: โรคต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และภาวะการอักเสบเรื้อรัง อาจเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการสะสมของโปรตีนนี้
เบต้าอะไมลอยด์ อัลไซเมอร์เชื่อมโยงกันอย่างไร
เบต้า-อะไมลอยด์มีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เมื่อโปรตีนนี้เริ่มเกิดการสะสมในสมอง จะทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้
- การก่อตัวของแผ่นโปรตีน: เบต้า-อะไมลอยด์จะจับตัวกันเป็นแผ่นโปรตีนที่รบกวนการทำงานระหว่างเซลล์สมอง โดยเฉพาะในบริเวณฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความจำ จนเกิดการเสื่อมของเซลล์ประสาท
- การทำลายเซลล์สมอง: โปรตีนที่สะสมยังรบกวนการทำงานของเซลล์สมอง ทำให้เซลล์เสื่อมและตายในที่สุด
- การลดลงของสารสื่อประสาท: เบต้า-อะไมลอยด์และการเสื่อมสภาพของเซลล์สมองยังส่งผลให้ปริมาณสารอะซีติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญต่อความจำจำนวนลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหลงลืม
- การแพร่กระจายของความเสียหาย: อาการของผู้ป่วยอาจเริ่มจากการสูญเสียความจำระยะสั้น ก่อนที่ความเสียหายจะค่อย ๆ กระจายไปสู่สมองส่วนอื่น ๆ ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความคิด พฤติกรรม ก่อนจะพัฒนากลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ในที่สุด
โรคอะไมลอยด์โดสิสคืออะไร
นอกจากการสะสมในสมองแล้ว โปรตีนอะไมลอยด์ยังสามารถสะสมในอวัยวะอื่น ๆ จนทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะนั้น ๆ ผิดปกติ ก่อให้เกิดโรคที่เรียกว่า โรคอะไมลอยด์โดสิส (Amyloidosis) ซึ่งเป็นโรคหายากที่พบได้ประมาณ 1 ในแสนคน สามารถแบ่งประเภทได้ 4 ประเภทตามสาเหตุการเกิดโรค ได้แก่
- AL Amyloidosis: เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวชนิด Plasma Cell ในไขกระดูกที่มีการผลิตโปรตีน Immunoglobulin Light Chain มากกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่ออวัยวะหลายระบบ เช่น ตับ ไต หัวใจ และระบบทางเดินอาหาร ถือเป็นประเภทของโรคอะไมลอยด์ที่พบได้มากที่สุด
- AA Amyloidosis: เกิดจากโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดการอักเสบต่อเนื่อง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทำให้เกิดโปรตีนอะไมลอยด์ที่เรียกว่า Amyloid A สะสมในร่างกาย โดยเฉพาะที่ตับ ไต ม้าม
- ATTR amyloidosis: มักเกิดจากโปรตีน Transthyretin (TTR) ที่มีมากจนเกิดการสะสมตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะเส้นประสาทและหัวใจ มีประเภทย่อย 2 แบบ คือ
- Wild-type Amyloidosis เป็นประเภทที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- Hereditary Amyloidosis เป็นประเภทที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม
- โรคอะไมลอยด์โดสิสชนิดอื่น ๆ: เช่น โรคอะไมลอยด์โดสิสที่เกิดจากการฟอกไต การถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือโรคอะไมลอยด์โดสิสที่เกิดในอวัยวะอื่น ๆ
ตัวอย่างของโรคอะไมลอยด์โดสิส เช่น
- โรคไลเคนอะไมลอยด์โดสิส หรือ Lichen Amyloidosis เป็นภาวะที่โปรตีนอะไมลอยด์สะสมในผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มแข็งนูนสีน้ำตาลแดง เรียงกันคล้ายลูกปัด และมีอาการคันบ้าง มักพบในบริเวณหน้าแข้ง ต้นขา และเท้า
- โรคอะไมลอยด์โดสิสหัวใจ หรือ Cardiac Amyloidosis คือภาวะที่โปรตีนอะไมลอยด์สะสมในกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้มีอาการเหนื่อย เพลีย หน้ามืด ใจสั่น อาจมีอาการบวมน้ำ ทำท่วมปอด และอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย
การตรวจวินิจฉัยและการป้องกันผลกระทบจากเบต้า-อะไมลอยด์
การตรวจสอบระดับเบต้า-อะไมลอยด์ในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี โดยการตรวจคัดกรอง เช่น การตรวจอัลไซเมอร์ ราคาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล เช่น
- การตรวจโปรตีนจากเลือด: เป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย และมีความแม่นยำสูง ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Single Molecular Immune Detection (SMID) ในการตรวจวัดระดับโปรตีนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ โปรตีน Neurofilament Light (NfL), Alpha-Synuclein, P-tau181 และ P-tau217 รวมถึงโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์อย่าง Amyloid beta 42, Amyloid beta 40
- การตรวจภาพถ่ายสมอง: เช่น PET Scan สามารถแสดงให้เห็นการสะสมของโปรตีนในสมองและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสมอง
- การตรวจยีน: รวมถึงการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมอื่น ๆ สามารถช่วยประเมินความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรมต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับการสะสมของโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ที่ผิดปกติ
การรักษาโรคเกี่ยวกับเบต้า-อะไมลอยด์
ในปัจจุบัน ทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการรักษาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือการโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ และโปรตีนอะไมลอยด์อื่น ๆ โดยมีตัวอย่างของวิธีการรักษา ดังนี้
- Personalized Medicine: หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล เป็นแนวทางที่ใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมและลักษณะเฉพาะของแต่ละคนในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
- ยากลุ่มยับยั้งการสะสมเบต้า-อะไมลอยด์: ปัจจุบันมีการพัฒนายาที่สามารถช่วยลดการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์หรือช่วยกำจัดโปรตีนที่สะสมแล้วออกจากสมอง
- การรักษาตามอาการ: เช่น การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือเครื่องกระตุกสัญญาณไฟฟ้าหัวใจในผู้ป่วยโรคอะไมลอยด์โดสิสหัวใจ
การป้องกันและการดูแลสุขภาพจากเบต้า-อะไมลอยด์
การป้องกันการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์และการรักษาสุขภาพสมองสามารถทำได้ตั้งแต่วัยกลางคน โดยมีขั้นตอนในการดูแลสุขภาพ ดังนี้
- นอนหลับอย่างมีคุณภาพ: ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน และมีการนอนหลับลึกที่เพียงพอ เพื่อให้สมองสามารถกำจัดของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง และกระตุ้นการทำงานของระบบกำจัดของเสียในสมอง ลดการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ในสมอง
- ควบคุมโรคเรื้อรังต่างๆ : เช่น การรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคอื่น ๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ฝึกสมองเป็นประจำ: การอ่านหนังสือ การเล่นเกมฝึกสมอง และการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ดีขึ้น
- การตรวจสุขภาพประจำปี: รวมถึงการตรวจความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์เป็นระยะ ๆ สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง จะช่วยให้สามารถตรวจพบและวางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
แม้ว่าโรคอัลไซเมอร์ รักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่การเข้าใจเกี่ยวกับโปรตีนชนิดนี้ ก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพสมองให้ดียิ่งขึ้น การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและการตรวจคัดกรองแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ การตรวจยีนมะเร็ง หรือการติดตามโรคตกค้างน้อยที่สุด หรือ Minimal Residual Disease (MRD) ก็สามารถช่วยวางแผนการดูแลร่างกาย และช่วยรักษาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
หากคุณหรือคนรู้จักมีอายุมากกว่า 50 ปี มีปัญหาด้านการนอนหลับ ความเครียดสะสม มีประวัติครอบครัวเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือต้องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างครอบคลุม บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI มีบริการตรวจคัดกรองโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่น ๆ ผ่านการตรวจเลือด โดยสามารถตรวจวัดระดับโปรตีนก่อโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และใช้เวลาเพียง 5-7 วันทำการในการรายงานผล เริ่มตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์กับ BKGI วันนี้ เพื่อการวางแผนดูแลสุขภาพสมองอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในอนาคต
บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯ ในเครือ BGI Genomics ที่ก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐาน ISO15189, ISO15190 และ ISO/IEC 27001:2022 จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่ครอบคลุมในหลายด้าน ได้แก่
- การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์มารดา
- การตรวจคัดกรองพาหะโรคทางพันธุกรรมสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือมีบุตรยาก
- การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็ง เพื่อหาตัวยาในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล
- การตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคการเกิดมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ รวมถึงมะเร็งปากมดลูกและ COVID-19
- การตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมเฉพาะบุคคลเพื่อวางแผนสุขภาพและชะลอวัย
ติดต่อเรา
โทร: 094 616 6878
อีเมล: marketing@bangkokgenomics.com
เว็บไซต์: https://www.bangkokgenomics.com
ที่อยู่: 3689 ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. 10110
เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.30-17.30 น., เสาร์ 9.00-15.00 น.