แชร์

เบต้า-อะไมลอยด์คืออะไร สาเหตุสำคัญของโรคอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมที่ไม่ควรมองข้าม

31 ผู้เข้าชม

โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ถือเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่กำลังเพิ่มขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ การเข้าใจความเป็นมาและกลไกการทำงานของโปรตีนชนิดนี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและการดูแลสุขภาพสมองในระยะยาว

บทความนี้จะพาทุกคนทำความรู้จักเบต้า-อะไมลอยด์ให้มากขึ้น ว่าโปรตีนชนิดนี้คืออะไร ทำหน้าที่อะไรบ้าง ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และวิธีการรักษา ดูแล ป้องกันตนเอง ไม่ให้เบต้า-อะไมลอยด์ทำร้ายร่างกายของเรา

โปรตีนอะไมลอยด์คืออะไร?

โปรตีนอะไมลอยด์ เป็นชื่อเรียกของกลุ่มโปรตีนชนิดต่าง ๆ ที่มีลักษณะผิดรูปจากโปรตีนทั่วไป โดยปกติแล้วโปรตีนอะไมลอยด์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย แต่เมื่อเกิดความผิดปกติในการกำจัด จะเกิดการจับตัวกันเป็นแผ่นใยไม่ละลายน้ำ และสะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของอวัยวะในร่างกาย จนทำให้อวัยวะนั้น ๆ ทำงานบกพร่องและเสียหายได้ โปรตีนอะไมลอยด์นี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท และแต่ละชนิดจะมีผลกระทบต่ออวัยวะที่แตกต่างกัน เช่น โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ ที่ส่งผลกระทบต่อสมอง เป็นต้น

โปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์คืออะไร?

เบต้า-อะไมลอยด์ หรือ Beta-amyloid, Amyloid-beta เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของโปรตีนที่เรียกว่า Amyloid Precursor Protein (APP) ในสภาวะปกติ โปรตีนนี้จะถูกกำจัดออกจากร่างกาย แต่เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เบต้า-อะไมลอยด์จะเกิดการสะสมและก่อให้เกิดปัญหาต่อการทำงานของสมองแทน

เบต้า-อะไมลอยด์เกิดจากสาเหตุใด

การเกิดและการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ในสมองมีสาเหตุหลายประการ ได้แก่

  • ความเสื่อมตามวัย: ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ระบบการกำจัดโปรตีนในสมองทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เบต้า-อะไมลอยด์สะสมมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่ม
  • ปัญหาคุณภาพการนอนหลับ: ผู้ที่มีช่วงการนอนหลับลึกที่สั้นหรือนอนไม่หลับ จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ เนื่องจากสมองทำการกำจัดของเสียและโปรตีนที่ ไม่ต้องการได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้เกิดการสะสม
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: ยีนบางชนิดอาจทำให้เกิดการผลิตเบต้า-อะไมลอยด์มากเกินไป หรือการกำจัดออกจากสมองช้าลง เช่น ยีน APOE E4 เป็นต้น
  • โรคเรื้อรังและการอักเสบ: โรคต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และภาวะการอักเสบเรื้อรัง อาจเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการสะสมของโปรตีนนี้

เบต้าอะไมลอยด์ อัลไซเมอร์เชื่อมโยงกันอย่างไร

เบต้า-อะไมลอยด์มีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เมื่อโปรตีนนี้เริ่มเกิดการสะสมในสมอง จะทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้

  • การก่อตัวของแผ่นโปรตีน: เบต้า-อะไมลอยด์จะจับตัวกันเป็นแผ่นโปรตีนที่รบกวนการทำงานระหว่างเซลล์สมอง โดยเฉพาะในบริเวณฮิปโปแคมปัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความจำ จนเกิดการเสื่อมของเซลล์ประสาท
  • การทำลายเซลล์สมอง: โปรตีนที่สะสมยังรบกวนการทำงานของเซลล์สมอง ทำให้เซลล์เสื่อมและตายในที่สุด
  • การลดลงของสารสื่อประสาท: เบต้า-อะไมลอยด์และการเสื่อมสภาพของเซลล์สมองยังส่งผลให้ปริมาณสารอะซีติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญต่อความจำจำนวนลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหลงลืม
  • การแพร่กระจายของความเสียหาย: อาการของผู้ป่วยอาจเริ่มจากการสูญเสียความจำระยะสั้น ก่อนที่ความเสียหายจะค่อย ๆ กระจายไปสู่สมองส่วนอื่น ๆ ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความคิด พฤติกรรม ก่อนจะพัฒนากลายเป็นโรคอัลไซเมอร์ในที่สุด

โรคอะไมลอยด์โดสิสคืออะไร

นอกจากการสะสมในสมองแล้ว โปรตีนอะไมลอยด์ยังสามารถสะสมในอวัยวะอื่น ๆ จนทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะนั้น ๆ ผิดปกติ ก่อให้เกิดโรคที่เรียกว่า โรคอะไมลอยด์โดสิส (Amyloidosis) ซึ่งเป็นโรคหายากที่พบได้ประมาณ 1 ในแสนคน สามารถแบ่งประเภทได้ 4 ประเภทตามสาเหตุการเกิดโรค ได้แก่

  • AL Amyloidosis:  เกิดจากความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวชนิด Plasma Cell ในไขกระดูกที่มีการผลิตโปรตีน Immunoglobulin Light Chain มากกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่ออวัยวะหลายระบบ เช่น ตับ ไต หัวใจ และระบบทางเดินอาหาร ถือเป็นประเภทของโรคอะไมลอยด์ที่พบได้มากที่สุด
  • AA Amyloidosis:  เกิดจากโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดการอักเสบต่อเนื่อง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทำให้เกิดโปรตีนอะไมลอยด์ที่เรียกว่า Amyloid A สะสมในร่างกาย โดยเฉพาะที่ตับ ไต ม้าม
  • ATTR amyloidosis:  มักเกิดจากโปรตีน Transthyretin (TTR) ที่มีมากจนเกิดการสะสมตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะเส้นประสาทและหัวใจ มีประเภทย่อย 2 แบบ คือ
    • Wild-type Amyloidosis เป็นประเภทที่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • Hereditary Amyloidosis เป็นประเภทที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม
  • โรคอะไมลอยด์โดสิสชนิดอื่น ๆ: เช่น โรคอะไมลอยด์โดสิสที่เกิดจากการฟอกไต การถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือโรคอะไมลอยด์โดสิสที่เกิดในอวัยวะอื่น ๆ

ตัวอย่างของโรคอะไมลอยด์โดสิส เช่น

  • โรคไลเคนอะไมลอยด์โดสิส หรือ Lichen Amyloidosis เป็นภาวะที่โปรตีนอะไมลอยด์สะสมในผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มแข็งนูนสีน้ำตาลแดง เรียงกันคล้ายลูกปัด และมีอาการคันบ้าง มักพบในบริเวณหน้าแข้ง ต้นขา และเท้า
  • โรคอะไมลอยด์โดสิสหัวใจ หรือ Cardiac Amyloidosis คือภาวะที่โปรตีนอะไมลอยด์สะสมในกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้มีอาการเหนื่อย เพลีย หน้ามืด ใจสั่น อาจมีอาการบวมน้ำ ทำท่วมปอด และอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย

การตรวจวินิจฉัยและการป้องกันผลกระทบจากเบต้า-อะไมลอยด์

การตรวจสอบระดับเบต้า-อะไมลอยด์ในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี โดยการตรวจคัดกรอง เช่น การตรวจอัลไซเมอร์ ราคาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละบุคคล เช่น

  • การตรวจโปรตีนจากเลือด: เป็นวิธีที่สะดวก ปลอดภัย และมีความแม่นยำสูง ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Single Molecular Immune Detection (SMID) ในการตรวจวัดระดับโปรตีนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ โปรตีน Neurofilament Light (NfL), Alpha-Synuclein, P-tau181 และ P-tau217 รวมถึงโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์อย่าง Amyloid beta 42, Amyloid beta 40
  • การตรวจภาพถ่ายสมอง: เช่น PET Scan สามารถแสดงให้เห็นการสะสมของโปรตีนในสมองและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสมอง
  • การตรวจยีน: รวมถึงการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมอื่น ๆ สามารถช่วยประเมินความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรมต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับการสะสมของโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ที่ผิดปกติ

การรักษาโรคเกี่ยวกับเบต้า-อะไมลอยด์

ในปัจจุบัน ทางการแพทย์ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการรักษาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือการโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ และโปรตีนอะไมลอยด์อื่น ๆ โดยมีตัวอย่างของวิธีการรักษา ดังนี้

  • Personalized Medicine: หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล เป็นแนวทางที่ใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมและลักษณะเฉพาะของแต่ละคนในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
  • ยากลุ่มยับยั้งการสะสมเบต้า-อะไมลอยด์: ปัจจุบันมีการพัฒนายาที่สามารถช่วยลดการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์หรือช่วยกำจัดโปรตีนที่สะสมแล้วออกจากสมอง
  • การรักษาตามอาการ: เช่น การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือเครื่องกระตุกสัญญาณไฟฟ้าหัวใจในผู้ป่วยโรคอะไมลอยด์โดสิสหัวใจ

การป้องกันและการดูแลสุขภาพจากเบต้า-อะไมลอยด์

การป้องกันการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์และการรักษาสุขภาพสมองสามารถทำได้ตั้งแต่วัยกลางคน โดยมีขั้นตอนในการดูแลสุขภาพ ดังนี้

  • นอนหลับอย่างมีคุณภาพ: ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน และมีการนอนหลับลึกที่เพียงพอ เพื่อให้สมองสามารถกำจัดของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง และกระตุ้นการทำงานของระบบกำจัดของเสียในสมอง ลดการสะสมของเบต้า-อะไมลอยด์ในสมอง
  • ควบคุมโรคเรื้อรังต่างๆ : เช่น การรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคอื่น ๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ฝึกสมองเป็นประจำ: การอ่านหนังสือ การเล่นเกมฝึกสมอง และการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานของสมองให้ดีขึ้น
  • การตรวจสุขภาพประจำปี: รวมถึงการตรวจความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์เป็นระยะ ๆ สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง จะช่วยให้สามารถตรวจพบและวางแผนการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม


แม้ว่าโรคอัลไซเมอร์ รักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่การเข้าใจเกี่ยวกับโปรตีนชนิดนี้ ก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพสมองให้ดียิ่งขึ้น การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและการตรวจคัดกรองแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาโปรตีนเบต้า-อะไมลอยด์ การตรวจยีนมะเร็ง หรือการติดตามโรคตกค้างน้อยที่สุด หรือ Minimal Residual Disease (MRD) ก็สามารถช่วยวางแผนการดูแลร่างกาย และช่วยรักษาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้เช่นกัน

หากคุณหรือคนรู้จักมีอายุมากกว่า 50 ปี มีปัญหาด้านการนอนหลับ ความเครียดสะสม มีประวัติครอบครัวเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือต้องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างครอบคลุม บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BKGI มีบริการตรวจคัดกรองโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่น ๆ ผ่านการตรวจเลือด โดยสามารถตรวจวัดระดับโปรตีนก่อโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และใช้เวลาเพียง 5-7 วันทำการในการรายงานผล เริ่มตรวจคัดกรองความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์กับ BKGI วันนี้ เพื่อการวางแผนดูแลสุขภาพสมองอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในอนาคต

บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯ ในเครือ BGI Genomics ที่ก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐาน ISO15189, ISO15190 และ ISO/IEC 27001:2022 จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่ครอบคลุมในหลายด้าน ได้แก่

  • การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์มารดา
  • การตรวจคัดกรองพาหะโรคทางพันธุกรรมสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือมีบุตรยาก
  • การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็ง เพื่อหาตัวยาในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล
  • การตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคการเกิดมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
  • การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ รวมถึงมะเร็งปากมดลูกและ COVID-19
  • การตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมเฉพาะบุคคลเพื่อวางแผนสุขภาพและชะลอวัย

ติดต่อเรา
โทร: 094 616 6878
อีเมล: marketing@bangkokgenomics.com
เว็บไซต์: https://www.bangkokgenomics.com
ที่อยู่: 3689 ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. 10110
เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.30-17.30 น., เสาร์ 9.00-15.00 น.


บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จักยีน APOE ทำไมถึงเสี่ยงต่ออัลไซเมอร์
ทำความรู้จักยีน APOE ว่ามันคืออะไร ทำหน้าที่อะไรในร่างกายของเรา และทำไม ยีน APOE ถึงเพิ่มความเสี่ยงต่ออัลไซเมอร์ได้ รวมถึงการตรวจความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
Precision Medicine คืออะไร? การแพทย์แม่นยำที่เปลี่ยนโลกการรักษา
ทำความรู้จักเกี่ยวกับ Precision Medicine การแพทย์แม่นยำที่ใช้เทคโนโลยี DNA ในการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าและ Personalized Medicine เฉพาะบุคคล
โรคอัลไซเมอร์คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับภาวะสมองเสื่อม
โรคอัลไซเมอร์คืออะไร อาการเป็นอย่างไร อัลไซเมอร์หายมั้ย รวมถึงวิธีการดูแล ป้องกัน และวิธีตรวจความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ เพื่อการดูแลและรักษาอย่างทันท่วงที
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy