แชร์

การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า: รักษา “ตรงจุด”

252 ผู้เข้าชม

การพัฒนาทางการแพทย์ปัจจุบันได้นำมาซึ่งนวัตกรรมการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญ คือ การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) เป็นการใช้ยา/ชีววัตถุที่ออกฤทธิ์กับโมเลกุลหรือสัญญาณจำเพาะซึ่งเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและการกระจายของเซลล์มะเร็ง จัดเป็นรากฐานสำคัญของการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ในมะเร็งวิทยา จุดเด่นคือ ความจำเพาะของเป้าหมาย ซึ่งอาจช่วยควบคุมโรคได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิมในผู้ป่วยบางราย อย่างไรก็ดี ประสิทธิผลมักขึ้นอยู่กับชนิดมะเร็ง ชนิดการกลายพันธุ์ และบริบทการรักษารวม (เช่น การผ่าตัด/คีโม/รังสี) แพทย์จึงต้องประเมินแบบรายบุคคลเสมอ ดังนั้นการตรวจมะเร็ง การตรวจหายีนมะเร็งเพื่อค้นหายีนกลายพันธุ์ในผู้ป่วยมะเร็งที่สามารถใช้เป็นเป้าหมายในการรักษา ทำให้สามารถเลือกใช้ยาสำหรับรักษามะเร็งที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ จะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าให้มากขึ้น ทั้งความหมาย หลักการรักษา ประเภทของยามุ่งเป้ามะเร็ง ความแตกต่างจากการรักษาแบบอื่น ผลข้างเคียงยามุ่งเป้า รวมถึงบทบาทสำคัญของการตรวจยีนหายามุ่งเป้าในการวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า คืออะไร?

การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) เป็นแนวทางการรักษาโรคมะเร็งที่ใช้ยาเฉพาะทาง ซึ่งออกแบบมาให้ ออกฤทธิ์กับกลไกหรือโปรตีนจำเพาะ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติมากเกินไป

ยามุ่งเป้าไม่ได้ ฆ่า เซลล์มะเร็งโดยตรงเหมือนยาเคมีบำบัด แต่จะ ยับยั้งการส่งสัญญาณ ที่ทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวหรืออยู่รอด ทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งช้าลง และช่วยควบคุมโรคได้ในบางกรณี ทั้งนี้ ประสิทธิผลของการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง การกลายพันธุ์ของยีน และการตอบสนองของผู้ป่วยแต่ละราย

โดยทั่วไป การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าจะทำให้ผู้ป่วยบางรายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีการรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆ เช่น เคมีบำบัดในบางระยะของโรค อย่างไรก็ตาม การรักษาก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และไม่สามารถใช้แทนวิธีการรักษามาตรฐานทั้งหมดได้

หลักการทำงานของการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า

การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ตั้งอยู่บนแนวคิดของการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) และการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ซึ่งเน้นการรักษาโดยอ้างอิงข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ป่วยแต่ละราย แทนที่จะใช้วิธีเดียวกันกับผู้ป่วยทุกคนที่เป็นมะเร็งชนิดเดียวกัน

โดยแนวคิดนี้ มาจากความเข้าใจว่า มะเร็งแต่ละชนิดมีรหัสพันธุกรรมเฉพาะตัว การกลายพันธุ์ของยีนบางชนิดอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่หยุด และการระบุยีนเหล่านี้ช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยาที่ตรงกับกลไกของโรคได้มากขึ้น

ยามุ่งเป้าจึงทำงานโดย ขัดขวางจุดอ่อนเฉพาะของเซลล์มะเร็ง ผ่านกลไกสำคัญหลายประการ เช่น

  • การยับยั้งสัญญาณการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง (Signal inhibition):
    ยาจะจับกับโปรตีนหรือตัวรับสัญญาณบนผิวเซลล์ เช่น EGFR หรือ HER2 เพื่อหยุดการส่งสัญญาณที่กระตุ้นให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวต่อเนื่อง
  • การยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Anti-angiogenesis):
    ยาจะขัดขวางการสร้างหลอดเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็ง ทำให้เนื้องอกได้รับสารอาหารลดลงและชะลอการเจริญเติบโต
  • การเสริมฤทธิ์ของภูมิคุ้มกัน (Immune modulation):
    ยามุ่งเป้าบางชนิดช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันตรวจจับและกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การนำสารออกฤทธิ์เข้าสู่เซลล์มะเร็งโดยตรง (Targeted drug delivery):
    บางยาถูกออกแบบให้จับกับโปรตีนจำเพาะบนเซลล์มะเร็งเพื่อนำยาเคมีบำบัดหรือสารพิษไปออกฤทธิ์เฉพาะในจุดนั้น

กลไกเหล่านี้ช่วยให้การรักษามะเร็งสามารถ มุ่งเป้า ได้แม่นยำขึ้น ลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกรายที่เหมาะกับยามุ่งเป้า การตรวจหายีนกลายพันธุ์และการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังคงเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนเริ่มการรักษา

การตรวจยีนมะเร็ง  มีบทบาทสำคัญในการวางแผนการรักษาแบบมุ่งเป้า เพราะช่วยให้แพทย์ทราบว่าผู้ป่วยมียีนกลายพันธุ์ใดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง และสามารถเลือกใช้ยาที่ออกฤทธิ์กับยีนหรือโปรตีนเป้าหมายนั้นได้อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ป่วยมะเร็งทุกคนที่จะมียีนกลายพันธุ์ที่ ตอบสนอง ต่อการรักษาแบบมุ่งเป้าได้เสมอไป การตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมจึงเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อคัดกรองหากลุ่มผู้ป่วยที่มีโอกาสได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรักษาประเภทนี้

รูปแบบของยีนกลายพันธุ์ในผู้ป่วยมะเร็งที่พบได้บ่อยและยามุ่งเป้าที่เกี่ยวข้อง

  • EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor): พบในผู้ป่วยมะเร็งปอด ชนิด nonsmall cell lung cancer (NSCLC) บางราย ทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวรวดเร็ว
    • ยาที่มักใช้ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Osimertinib หรือ Gefitinib ซึ่งยับยั้งการทำงานของโปรตีน EGFR ที่กลายพันธุ์
  • HER2 (Human Epidermal Growth Factor Receptor 2): พบในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะอาหารบางราย
    • ยาที่ใช้รักษา เช่น  Trastuzumab ซึ่งออกฤทธิ์จับกับโปรตีน HER2 เพื่อยับยั้งการส่งสัญญาณการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • BRAF (vRaf murine sarcoma viral oncogene homolog B1): พบในผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่บางส่วน
    • ยาที่เกี่ยวข้อง เช่น Vemurafenib หรือ Dabrafenib ที่ช่วยยับยั้งโปรตีน BRAF ที่กลายพันธุ์ (โดยเฉพาะ V600E)

* การเลือกใช้ยามุ่งเป้าแต่ละชนิดต้องอิงจากผลการตรวจยีนและแนวทางของแพทย์ตามมาตรฐานสากล เช่น NCCN หรือ ESMO

ยามุ่งเป้ามีกี่ประเภท

ยามุ่งเป้าสำหรับการรักษาโรคมะเร็งสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก ได้แก่

ยามุ่งเป้าแบบกิน (Oral Targeted Therapy)

ยามุ่งเป้าแบบกินเป็นยาในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลสำหรับรับประทาน ซึ่งเป็นกลุ่มยาโมเลกุลขนาดเล็ก (Small-molecule drugs) ที่สามารถเข้าสู่เซลล์ได้โดยตรง ทำให้ผู้ป่วยสามารถทานได้เองที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเดินทางมารักษาที่โรงพยาบาล ภายใต้การติดตามของแพทย์อย่างต่อเนื่อง  ระยะเวลาการใช้ยาแตกต่างกันไปตามชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค และการตอบสนองของผู้ป่วย

  • ตัวอย่างยามุ่งเป้าแบบกิน เช่น Osimertinib, Gefitinib, Erlotinib

ยามุ่งเป้าแบบฉีด (Injectable/IV Targeted Therapy)

ยามุ่งเป้าแบบฉีดเป็นยาในกลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ (Monoclonal antibodies) ซึ่งเป็นโปรตีนขนาดใหญ่ที่สามารถถูกย่อยในระบบทางเดินอาหารได้ จึงต้องมีการให้ยาดังกล่าวผ่านการฉีดเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์และมีประสิทธิภาพที่สุด

ตัวอย่างยามุ่งเป้าแบบฉีด เช่น

  • Trastuzumab ใช้ในมะเร็งเต้านม / กระเพาะอาหารที่แสดง HER2 สูง
  • Bevacizumab ใช้ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ของก้อนมะเร็ง

การเลือกรูปแบบยาที่เหมาะสม

การเลือกรูปแบบยาที่เหมาะสมสำหรับการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ อาทิ

  • ชนิดและระยะของมะเร็ง
  • การกลายพันธุ์ที่พบ
  • สภาพร่างกายและโรคประจำตัวของผู้ป่วย
  • ความสะดวกในการเข้ารับการรักษา
  • ความพร้อมและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์

โดยแพทย์จะพิจารณาจากข้อมูลผลตรวจของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อวางแผนการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด

การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า ต่างจากเคมีบำบัดอย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่าทั้ง "ยามุ่งเป้า" และ "ยาเคมีบำบัด" ต่างก็เป็นการใช้ยาเพื่อยับยั้งหรือทำลายเซลล์มะเร็ง แล้วทั้งสองวิธีนี้ต่างกันอย่างไร

ในความเป็นจริง ทั้งสองแนวทางมี "จุดมุ่งหมายเดียวกัน" คือ การควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง แต่ แตกต่างกันในระดับของกลไกการออกฤทธิ์และความจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง

ความแตกต่างในกลไกการทำงาน

ยามุ่งเป้า

ยามุ่งเป้าออกแบบมาเพื่อยับยั้งโปรตีนหรือยีนกลายพันธุ์เฉพาะ ที่มีบทบาทในการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ยาจะออกฤทธิ์เจาะจงต่อกลไกที่เป็น จุดอ่อน ของมะเร็งชนิดนั้น ๆ
โดยก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จำเป็นต้องทำการตรวจยีน (Genetic Testing) เพื่อระบุว่าผู้ป่วยมียีนกลายพันธุ์ที่ตรงกับยามุ่งเป้าหรือไม่

เนื่องจากยามุ่งเป้ามีความจำเพาะสูง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมัก "เฉพาะเจาะจงตามชนิดของยา" เช่น ผื่นผิวหนัง ความดันโลหิตสูง หรือท้องเสีย แต่โดยทั่วไปมักรุนแรงน้อยกว่าเคมีบำบัด

เคมีบำบัด

ยาเคมีบำบัดจะออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วทุกชนิด ไม่เฉพาะกับเซลล์มะเร็งเท่านั้น จึงอาจกระทบต่อเซลล์ปกติ เช่น เซลล์รากผม เซลล์เยื่อบุลำไส้ หรือเซลล์เม็ดเลือด ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ เม็ดเลือดต่ำ และอ่อนเพลีย

ถึงแม้ผลข้างเคียงจะมากกว่า แต่เคมีบำบัดยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่มียีนกลายพันธุ์ที่ตอบสนองต่อยามุ่งเป้า หรือใช้ร่วมกับยามุ่งเป้าเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการรักษา

สรุปในภาพรวม:

  • การรักษาแบบมุ่งเป้าเหมาะกับผู้ป่วยที่ตรวจพบการกลายพันธุ์ของยีนที่มียาออกฤทธิ์เฉพาะ
  • เคมีบำบัดยังเป็นพื้นฐานการรักษาที่สำคัญ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีตัวบ่งชี้ทางพันธุกรรมที่ใช้ยามุ่งเป้าได้
เนื้อหานี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับตนเอง

ผลข้างเคียงยามุ่งเป้า มีอะไรบ้าง

แม้ว่าผลข้างเคียงยามุ่งเป้าจะน้อยกว่าเคมีบำบัด แต่ผู้ป่วยอาจพบอาการข้างเคียงบางอย่างขึ้นอยู่กับชนิดของยาและการตอบสนองของร่างกาย โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่

  • มีผื่นแดง ผิวแห้ง คันตามร่างกาย
  • มีอาการท้องเสีย หรืออาจมีอาการท้องผูก คลื่นไส้และอาเจียน
  • ความดันโลหิตสูง หรือมีปัญหาเส้นเลือดอุดตัน แผลหายช้า
  • อ่อนเพลียง่าย
  • แผลในปาก หรือเยื่อบุช่องปากอักเสบ
  • เล็บอาจแตกหักง่าย เส้นผมหลุดร่วง หรือมีอาการเล็บและเส้นผมเปลี่ยนสี

การติดตามและรายงานอาการต่อแพทย์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถปรับแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย

ผู้ป่วยกลุ่มใดที่สามารถเข้ารับการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า

  • ผู้ป่วยที่ตรวจพบยีนกลายพันธุ์หรือโปรตีนจำเพาะที่มียาออกฤทธิ์ได้ตรงจุด
  • ผู้ที่อยู่ในระยะของโรคซึ่งสามารถใช้ยามุ่งเป้าร่วมกับวิธีอื่น เช่น เคมีบำบัดหรือรังสีรักษา
ทั้งนี้ การรักษาแบบมุ่งเป้าไม่เหมาะกับผู้ป่วยทุกคน จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นรายบุคคล

บทบาทของการตรวจยีนหายามุ่งเป้า ในการวางแผนการรักษา

การตรวจยีนหายามุ่งเป้า (Molecular Profiling หรือ Genetic Testing for Targeted Therapy) เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การรักษามะเร็งมีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพราะช่วยระบุว่าผู้ป่วยมียีนกลายพันธุ์หรือความผิดปกติทางโมเลกุลใดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง และสามารถใช้เป็น เป้าหมาย ของการรักษาได้หรือไม่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การตรวจยีนคือ จุดเริ่มต้นของการแพทย์แม่นยำ (Precision Medicine) ที่เชื่อมโยงระหว่าง พันธุกรรมของมะเร็ง กับ ยาที่ออกฤทธิ์ตรงจุด หากไม่พบการกลายพันธุ์ที่มียามุ่งเป้าออกฤทธิ์ได้ การใช้ยานั้นอาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสในการเลือกวิธีการรักษาอื่นที่เหมาะสมกว่าในเวลานั้น

นอกจากช่วยระบุเป้าหมายทางยาแล้ว การตรวจยีนมะเร็งยังช่วย

  • ประเมินโอกาสการตอบสนองต่อยา (Drug Response Prediction)
  • คาดการณ์ภาวะดื้อยาในอนาคต (Drug Resistance Monitoring)
  • เลือกแนวทางรักษาที่มีโอกาสได้ผลดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

การใช้เทคโนโลยีการตรวจยีนที่ทันสมัยในปัจจุบัน เช่น การตรวจรหัสทางพันธุกรรมแบบครอบคลุม (Comprehensive Genetic Testing) ด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing (NGS) ซึ่งสามารถวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมของยีนหลายร้อยถึงหลายพันยีนได้ในครั้งเดียว สามารถค้นหาความผิดปกติหลายรูปแบบในเวลาเดียวกัน เช่น

  • การกลายพันธุ์ของเบส (Single Nucleotide Variant, SNV)
  • การแทรกหรือลบของลำดับพันธุกรรม (Indel)
  • การเปลี่ยนแปลงจำนวนสำเนายีน (Copy Number Variation, CNV)
  • การรวมตัวของยีนผิดปกติ (Fusion / Rearrangement)
  • ดัชนีความไม่เสถียรของไมโครแซทเทลไลต์ (MSI)
  • ภาระการกลายพันธุ์ในระดับจีโนม (TMB)
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แพทย์เข้าใจลักษณะทางชีววิทยาของมะเร็งในผู้ป่วยแต่ละราย และสามารถเชื่อมโยงไปยังแนวทางการรักษาที่มีหลักฐานทางคลินิกรองรับได้ตรงจุดมากขึ้น

การตรวจยีนหายามุ่งเป้าไม่เพียงช่วยให้แพทย์เลือกยาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการ "วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล" อย่างรอบด้าน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ตรงกับกลไกของโรค และลดความเสี่ยงจากการใช้ยาที่อาจไม่ได้ผลในรายนั้น ๆ

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ทางการแพทย์ทั่วไป ไม่ใช่คำแนะนำเฉพาะบุคคล ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการตรวจและการรักษาที่เหมาะสมกับตนเอง

แพ็กเกจตรวจยีนกลายพันธุ์ OncoPress

การตรวจยีนหายามุ่งเป้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการวางแผนการรักษาที่แม่นยำ Bangkok Genomics Innovation มีบริการตรวจยีนสำหรับผู้ป่วยมะเร็งผ่านแพ็กเกจ OncoPress ซึ่งมี 2 แพ็กเกจหลัก คือ

  • OncoPress Key: ตรวจ 188 ยีน ครอบคลุมการกลายพันธุ์ประเภท SNV, InDel, CNV, Fusion/Rearrangement, MSI และ HRR เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการตรวจหายีนกลายพันธุ์ที่พบบ่อยในมะเร็ง
  • OncoPress Premium: ตรวจ 1,021 ยีน ครอบคลุมการกลายพันธุ์ประเภท SNV, InDel, CNV, Fusion/Rearrangement, MSI, TMB, HRR และตัวบ่งชี้ทางชีวภาพอื่น ๆ อีกกว่า 30 รายการ

การตรวจด้วย OncoPress ใช้เทคโนโลยี Next Generation Sequencing (NGS) ที่มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจวิเคราะห์ยีนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งได้หลากหลาย และครอบคลุมการกลายพันธุ์ของยีนได้หลายประเภท เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับยีนกลายพันธุ์ที่มี และช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ Bangkok Genomics Innovation ยังมีบริการ OncoPress Monitoring สำหรับติดตามการกลายพันธุ์ของยีนในเซลล์มะเร็งที่หลงเหลือหลังการรักษา (Minimal Residual Disease: MRD) เพื่อเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำของโรค เพื่อการดูแลร่างกายที่ครอบคลุม และสามารถดำเนินการรักษาได้อย่างทันท่วงที

การรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้าถือเป็นนวัตกรรมที่สำคัญในการรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบัน ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการรักษาอย่างจำเพาะต่อกลไกของโรค ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่สอดคล้องกับลักษณะทางพันธุกรรมของผู้ป่วยได้มากขึ้น การรักษาประเภทนี้มีจุดเด่นคือ ความจำเพาะต่อยีนกลายพันธุ์ในผู้ป่วยมะเร็ง  ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบต่อเซลล์ปกติและส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นระหว่างการรักษา อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลของการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง การกลายพันธุ์ของยีน และการตอบสนองของร่างกายในแต่ละบุคคล

สิ่งสำคัญที่สุดของการรักษามะเร็งแบบมุ่งเป้า คือ การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการตรวจยีนอย่างแม่นยำ เพื่อระบุยีนกลายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับโรค และช่วยให้แพทย์สามารถเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้อย่างมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทฯ ในเครือ BGI Genomics ที่ก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐาน ISO15189, ISO15190 และ ISO/IEC 27001:2022 จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ (BSI) ให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรมที่ครอบคลุมในหลายด้าน ได้แก่

  • การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์มารดา
  • การตรวจคัดกรองพาหะโรคทางพันธุกรรมสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือมีบุตรยาก
  • การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนก่อมะเร็ง เพื่อยาในการรักษาแบบเฉพาะบุคคล
  • การตรวจคัดกรองความเสี่ยงยีนก่อโรคการเกิดมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
  • การตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมเฉพาะบุคคลเพื่อวางแผนสุขภาพและชะลอวัย

ติดต่อเรา

โทร: 094 616 6878
อีเมล: marketing@bangkokgenomics.com
เว็บไซต์: https://www.bangkokgenomics.com
ที่อยู่: 3689 ถนนพระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. 10110
เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.30-17.30 น., เสาร์ 9.00-15.00 น.


บทความที่เกี่ยวข้อง
What is Cancer Monitoring? How Genetic Testing Helps Track Your Cancer Journey
After a Cancer diagnosis (การวินิจฉัยโรคมะเร็ง), the journey of care moves into a stage where continuous surveillance becomes essential.
ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ 7 โรคสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้ พร้อมแนวทางตรวจคัดกรอง
โครโมโซมเพศ (Sex Chromosome) นับเป็นส่วนสำคัญของสารพันธุกรรมในร่างกายมนุษย์ ทำหน้าที่กำหนดเพศ และเป็นบริเวณที่มักพบความผิดปกติได้ค่อนข้างบ่อย
ตรวจ NIFTY Pro วันนี้ คัดกรองธาลัสซีเมียคุณแม่ ฟรี! ที่ BKGI
กรองทางพันธุกรรมที่ทันสมัย โดยเฉพาะ NIFTY Pro ซึ่งเป็นแพ็กเกจการตรวจ NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) ที่ครอบคลุมการตรวจความผิดปกติทางโครโมโซมที่เหมาะสำหรับคุณแม่และครอบครัวที่ต้องการทราบผลการคัดกรองที่แม่นยำ
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy